ผู้บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย สามารถหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาได้ โดย
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตามที่ ขณะนี้ได้เกิดอุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลได้เร่งสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน พร้อมทั้ง นำสิ่งของที่จำเป็นไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น และขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อรวบรวมส่งไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ต่อไป นั้น
2.1บุคคลธรรมดาที่บริจาค “เงิน” ให้แก่ ผู้ประสบอุทกภัย ผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นตัวแทนรับเงินบริจาคที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพากร เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้บริจาคสามารถนำจำนวนเงินดังกล่าวไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาได้ โดยเมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
กรมสรรพากร ขอแจ้งให้ทราบว่า เพื่อให้การบริจาคช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว สามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคนำมาหักเป็นค่าลดหย่อน หรือหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้ จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ 1.การบริจาค ให้แก่ ส่วนราชการ มูลนิธิ องค์การ หรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจา นุเบกษา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 1.1บุคคลธรรมดาที่บริจาค “เงิน” สามารถนำจำนวนเงินดังกล่าวไปหักลดหย่อนในการคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาได้ แต่ทั้งนี้เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อน 1.2บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาค “เงิน หรือ ทรัพย์สิน” สามารถนำจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลได้ แต่ทั้งนี้เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณ ประโยชน์แล้วต้องไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ 1.3ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่นำทรัพย์สินหรือสินค้าไปบริจาค ไม่ต้องนำมูลค่าสิ่งของที่บริจาคดังกล่าวมารวมเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการ คำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.การบริจาคผ่านตัวแทน เช่น สถานีโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุต่างๆ 2.1บุคคลธรรมดาที่บริจาค “เงิน” ให้แก่ ผู้ประสบอุทกภัย ผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นตัวแทนรับเงินบริจาคที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพากร เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้บริจาคสามารถนำจำนวนเงินดังกล่าวไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาได้ โดยเมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน 2.2บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาค “เงินหรือทรัพย์สิน” ให้แก่ ผู้ประสบอุทกภัย ผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นตัวแทนรับเงินบริจาคที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพากร เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้บริจาคสามารถนำจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายใน การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลได้ แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์แล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
2.3ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้แก่ผู้ประกอบการที่นำสินค้าไปบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นตัวแทนรับสินค้าที่บริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น
3.การ บริจาคให้สถานศึกษาที่ได้รับการประกาศของกระทรวงศึกษา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอาคารเรียน การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ตำราเรียน ค่าจ้างอาจารย์ และทุนการศึกษา ผู้บริจาคสามารถนำมาหักลดหย่อนหรือค่าใช้จ่ายได้ ดังนี้
3.1บุคคลธรรมดาสามารถนำ “เงิน” บริจาค มาหักเป็นค่าลดหย่อนได้เป็นจำนวน 2 เท่าของเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิ 3.2บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาค “เงินหรือทรัพย์สิน” เพื่อสนับสนุนการศึกษาให้หักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา แต่ต้อง ไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา “เหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความเดือดร้อน การร่วมกันบริจาคเงินและทรัพย์สินให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความมีน้ำใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ ดังนั้น นอกจากผู้บริจาคจะได้รับอานิสงค์ผลบุญแห่งการทำความดีตามความเชื่อของชาวไทย แล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ขอให้เป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากรด้วย”อธิบดีกรม สรรพากร กล่าว ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1316230863