บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า มาตรการลดภาษีสรรพสามิตสูงสุด 100,000 บาท สำหรับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกที่เข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไขของรัฐบาล ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 13 ก.ย. 2554 ซึ่งมีผลสำหรับการจองซื้อตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 และรับรถภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2555 นั้น ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ในช่วง 15.5 เดือนนับจากนี้ให้เพิ่มขึ้น ทั้งจากความต้องการใช้รถตามปกติ และจูงใจให้เกิดตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายก่อนมาตรการจะสิ้นสุด ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงการให้สินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระบบธนาคารพาณิชย์ ที่ยังคงมีทิศทางเติบโตดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 28-30 เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน คือปี 2553-2555
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าน่าจะมีผลในการหนุนยอดขายรถในช่วง 3 เดือนครึ่งท้ายของปี 2554 ให้มีจำนวนสูงถึงประมาณ 360,000 คัน เทียบกับ 7 เดือนแรกของปีที่มียอดขาย 504,914 คัน และประเมินว่า 8 เดือนแรกจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 580,000 คัน และประมาณการยอดขายที่มีโอกาสทะลุ 1 ล้านคัน หรือในกรอบประมาณ 980,000-1,030,000 คัน ในปี 2555
สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีโอกาสเติบโตสูง เป็นพิเศษในช่วงมาตรการ แต่อาจต้องปรับตัวรับมือกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถในระบบสถาบันการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 มีจำนวน 5.72 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 31.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เติบโตต่อเนื่องจากที่ขยายตัว ร้อยละ 29.5 ในปี 2553 ซึ่งสะท้อนให้เห็นการปรับตัวของธุรกิจที่ค่อนข้างดี แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านการผลิตและส่งมอบรถในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. จากเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น และทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นก็ตาม ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่าภาพรวมธุรกิจให้เช่าซื้อรถจะยังคงรักษาความสามารถในการเติบโตอย่าง โดดเด่น ภายใต้ความเสี่ยงต่ำเมื่อวัดจากสัดส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่อยู่ใน เกณฑ์ประมาณ ร้อยละ1-2 ของสินเชื่อเช่าซื้อโดยรวม.
ที่มา : http://www.matichon.co.th