"ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต" เป็นชื่อที่บัญญัติขึ้นใหม่และมีคำนิยามไว้หมายความว่า ผู้ได้รับ ใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ และใบอนุญาตนั้นยังไม่ขาดอายุ ไม่ถูกพัก ไม่ถูกเพิกถอน ดังนั้น ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีก็ดี ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแล้วแต่ ขาดต่ออายุใบอนุญาต ถูกพักใช้ใบอนุญาตหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตก็ดี ย่อมไม่เป็นผู้สอบบัญชี รับอนุญาตตามกฎหมาย หากลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชีของธุรกิจใดที่กฎหมายบัญญัติให้มีการสอบบัญชีหรือให้มีผู้สอบบัญชีแล้วย่อมมีความผิด และอาจได้รับโทษตามกฎหมายการขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตนั้น ผู้ซึ่งจะขึ้นทะเบียนต้องมีพื้นความรู้และลักษณะครบถ้วน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนี้
- เป็นผู้ได้รับปริญญาทางการบัญชี หรือประกาศนียบัตรทางการบัญชี ซึ่ง ก.บช.เทียบว่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชี หรือเป็นผู้ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีที่มีการศึกษาวิชาการบัญชี ซึ่ง ก.บช. เห็นสมควรให้เป็นผู้สอบบัญชี รับอนุญาต
- เคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีมาแล้ว โดย ก.บช. เห็นว่าทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้
- มีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์
- มีสัญชาติไทย หรือมีสัญชาติของประเทศที่ยินยอมให้บุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้สอบบัญชีในประเทศนั้นได้
- ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
- ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่ ก.บช. เห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
- ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
- ไม่ประกอบอาชีพอย่างอื่นที่ไม่เหมาะสมหรือทำให้ขาดความเป็นอิสระในหน้าที่ผู้สอบบัญชี
*พื้นความรู้และลักษณะทั้ง 8 ประการข้างต้นนี้ มีข้อความชัดแจ้งอยู่แล้ว และขึ้นอยู่กับ ข้อเท็จจริงแต่ละกรณี ในที่นี้จะชี้แจงเฉพาะข้อ (1)(2) และ (8) ซึ่งน่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง
สำหรับข้อ (1) เรื่องพื้นความรู้ของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
คือ ผู้ได้รับปริญญาทางการบัญชีหรือประกาศนียบัตรทางการบัญชี ซึ่ง ก.บช.เทียบว่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชี เช่น ผู้ได้รับปริญญาบัญชีบัณฑิต ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางการบัญชี ผู้ได้รับ A.C.A. หรือ Bachelor of Business Administration (Major in Accounting) เหล่านี้ ก.บช. ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นปริญญา และประกาศนียบัตรทางการบัญชี เทียบได้ว่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชี
สำหรับข้อ (2) เรื่องเคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีมาแล้ว โดย ก.บช.เห็นว่าทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ เรื่องนี้ ก.บช. ได้พิจารณาและยึดถือเป็นหลักปฏิบัติว่า ผู้เคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีมาแล้ว ซึ่ง ก.บช. เห็นว่าทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้นั้น ต้องมีการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีกับผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปีบริบูรณ์ การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีดังกล่าวจะกระทำในระหว่างการศึกษาเพื่อรับปริญญาหรือประกาศนียบัตร หรือจะกระทำภายหลังได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรก็ได้ อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอบบัญชีย่อมอยู่ในดุลยพินิจของ ก.บช. ที่จะพิจารณาว่าได้ปฏิบัติงานใช้ความรู้อะไรมากน้อยเพียงใด ก.บช. จึงเห็นว่าทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ ในการนี้ ก.บช. อาจทำการทดสอบด้วยก็ได้ ทั้งนี้ย่อมต้องเป็นไปตามข้อบังคับ และประกาศของ ก.บช.
สำหรับข้อ (8) เรื่องการประกอบอาชีพอย่างอื่นที่ไม่เหมาะสมหรือทำให้ขาดความเป็นอิสระในหน้าที่ผู้สอบบัญชี
การประกอบอาชีพใดจะถือว่าไม่เหมาะสมหรือทำให้ขาดความเป็นอิสระใน หน้าที่ผู้สอบบัญชีขึ้นอยู่กับอาชีพ และข้อเท็จจริงแต่ละกรณี ก.บช. ยังไม่เคยปฏิเสธการรับขึ้น ทะเบียนเพราะเห็นว่าประกอบอาชีพไม่เหมาะสม หรือทำให้ขาดความเป็นอิสระในหน้าที่ ผู้สอบบัญชี แม้ผู้ซึ่งรับราชการก็อาจขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ ในต่างประเทศ เช่น อังกฤษถือกันว่าอาชีพนายหน้าซื้อขายหุ้นเป็นอาชีพที่ไม่เหมาะสมหรือทำให้ขาดความเป็น อิสระในหน้าที่ผู้สอบ
ความมุ่งหมาย
ความมุ่งหมายในการตราพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ.2505 ขึ้นนั้น ก็เนื่องจากว่าการสอบบัญชีเป็นวิชาชีพที่มีความสำคัญแก่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และนับวันจะมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความต้องการของธุรกิจและอุตสาหรกรรมของประเทศประกอบกับได้มีผู้สำเร็จการศึกษาวิชาการบัญชีจากมหาวิทยาลัย และสำนักศึกษาต่าง ๆ มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดคุณสมบัติและพื้นความรู้ของผู้สอบบัญชีให้อยู่ในมาตรฐานและมีการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตให้เป็นไปตามมาตรฐานการสอบบัญชี และเป็นไปโดยซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่รัฐ และบุคคลที่เกี่ยวข้องและเป็นผลดีแก่วิชาชีพการสอบบัญชีด้วย เพื่อให้เป็นไปตามความมุ่งหมายดังกล่าว พระราชบัญญัติผู้สอบบัญชีได้กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบัญชี หรือก.บช. กับทั้งให้จัดตั้งสำนักงาน ก.บช. ขึ้นในกระทรวงเศรษฐการเพื่อบริหารงานตามที่ได้รับมอบหมาย
สิทธิและหน้าที่ของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมีสิทธิลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชีในฐานะผู้สอบบัญชีของธุรกิจที่กฎหมายบัญญัติให้มีการสอบบัญชีหรือให้มีผู้สอบบัญชี และมีสิทธิลงลายมือชื่อรับรอง เอกสาร ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีผู้สอบบัญชีรับรองสำหรับสิทธิประการแรก ผู้ซึ่งมิได้เป็น ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชีในฐานะผู้สอบบัญชีไม่ได้ ถ้าฝ่าฝืนก็ มีความผิด แต่สำหรับสิทธิประการที่สอง มีผลแต่เพียงว่า เอกสารที่ทำขึ้นไม่มีผลตามกฎหมายนั้นๆ ถ้ามิได้รับรองโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมีหน้าที่ดังนี้
- ต้องรักษามรรยาทตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวงถ้าฝ่าฝืนอาจถูกสั่งพักหรือ เพิกถอนใบอนุญาต
- ในกรณีที่มีการย้ายสำนักงานหรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนต้องแจ้งต่อ นายทะเบียนภายในกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง
อายุใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมีอายุ 5 ปี นับแต่ออกใบอนุญาตตามข้อบังคับ ของ ก.บช. ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องต่ออายุใบอนุญาตภายในระยะเวลา 3 เดือน ก่อนวันที่ใบ อนุญาตสิ้นอายุ และต้องชำระค่าธรรมเนียมก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุด้วย มิฉะนั้นเป็นอันขาด จากการเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ข้อห้ามสำหรับผู้ซึ่งมิได้เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
- ผู้ซึ่งมิได้เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จะลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชีในฐานะ ผู้สอบบัญชีของธุรกิจที่กฎหมายบัญญัติให้มีการสอบบัญชีหรือให้มีผู้สอบบัญชีไม่ได้ เว้นแต่จะเป็นการกระทำในทางราชการ เช่น บริษัทจำกัดต้องมีการสอบบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ สหกรณ์ต้องมีผู้สอบบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเหล่านี้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเท่านั้น จึงจะมีสิทธิลงลายมือชื่อรับรอง การสอบบัญชีในฐานะผู้สอบบัญชี บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะกระทำมิได้ ถ้าฝ่าฝืนก็มีความผิดตามกฎหมาย เว้นแต่จะเป็นการกระทำในทางราชการ เช่น ในกรณีบริษัทจำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจ ทางราชการอาจมอบหมายให้กรรมการตรวจเงินแผ่นดินทำการตรวจสอบ ให้กรรมการกรณีนี้กรรมการตรวจเงินแผ่นดินย่อมมีสิทธิลงลายมือชื่อรับรองได้แม้มิได้เป็น ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
- ผู้ซึ่งมิได้เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะโฆษณาด้วยวิธีใด ๆ แสดงว่าเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตไม่ได้ ถ้าฝ่าฝืนย่อมมีความผิดและอาจได้รับโทษตามกฎหมาย เช่น ผู้ซึ่งมิได้ เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพิมพ์นามบัตรแสดงว่า เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตไม่ว่าจะแสดงด้วย ภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย ย่อมมีความผิดและอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับ ไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา http://www.suretax-accounting.com/articles/accounting