การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลกลางปี
บางครั้งหากเราทำงานทุกวันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์หรือวันเสาร์หากทำงานไปเรื่อย ๆ เผลอประเดี๋ยวเดียวก็กลางปี 2550 ไปแล้ว หน้าที่อย่างหนึ่งของฝ่ายบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยังคงมีงานทั้งด้านบัญชี การเงิน และภาษีอากรที่จะต้องมีการจัดทำในแต่ละวันแต่ละเดือนอยู่ตลอดเวลา
เรียกว่าไม่เคยหยุดนิ่ง งานของฝ่ายบัญชีที่จะมีช่วงยุ่ง ๆ อยู่บ้างก็คือ กลางปี และปลายปี ที่จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลทางบัญชีและภาษีอากรในการยื่นแบบเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในแต่ละปีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้มีการประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการมีหน้าที่ต้องเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จะต้องมีการนำรายได้มาหักด้วยรายจ่ายเพื่อคำนวณหากำไรหรือขาดทุนสุทธิในแต่ละรอบ ระยะเวลาบัญชีหรือ 12 เดือน โดยปกติผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะมีการปิดบัญชีทุกวันที่ 31 ธันวาคมทุกปี
ดังนั้นเมื่อสิ้นปีหรือสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี หน้าที่ของผู้ประกอบการจะต้องมีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลภายใน 150 วันนับจากวันปิดบัญชีโดยการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 อย่างไรก็ดีในประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชีครบ 12 เดือนนั้นมีหน้าต้องยื่นเสียภาษีกลางปียื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือนนับจากดำเนินกิจการมาครบ 6 เดือนแรก ดังนั้นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องเสียภาษีเงินได้กลางปีภายในวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี
ฝ่ายบัญชีของกิจการจะต้องมีการรวบรวมตัวเลขทางบัญชีเพื่อคำนวณหาภาษีเงินได้กลางปีเพื่อยื่นต่อกรมสรรพากร การเสียภาษีเงินได้กลางปีนั้นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้ และเมื่อเลือกวิธีใดแล้วหากต้องการเปลี่ยนแปลงต้องขออนุมัติอธิบดีกรมสรรพากร หลักเกณฑ์การเสียภาษีกลางปีมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1. วิธีประมาณการกำไรหรือขาดทุนสุทธิ
ในกรณีบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนอกจาก 2. ให้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ ซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น โดยการประมาณการรายได้และรายจ่ายทั้งปีแล้วให้คำนวณและชำระภาษีจากจำนวนกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น โดยการยื่นแบบ ภ.ง.ด.51
ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นรายการและชำระภาษีโดยวิธีประมาณการ หรือยื่นรายการและชำระภาษีตามวิธีประมาณการ โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ ซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นโดยไม่มีเหตุอันสมควร บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระหรือของกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นหรือของภาษีที่ชำระขาดแล้วแต่กรณี
2. วิธีเสียจากกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่เกิดขึ้นจริง
ในกรณีบริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมีการจัดทำงบการเงินเช่น งบกำไรขาดทุน งบดุล ซึ่งงบการเงินดังกล่าวเป็นงบการเงินครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีหรือ 6 เดือนตามที่เกิดขึ้นจริง และจะต้องได้รับการตรวจสอบและรายงานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตหรือผู้สอบบัญชีภาษีอากร ให้คำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี หากผู้ประกอบการมีความประสงค์จะเสียภาษีกลางปีโดยวิธีนี้จะต้องยื่นขออนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรภายใน 90 วันนับจากวันแรกของต้นรอบระยะเวลาบัญชีพร้อมทั้งชื่อผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและผู้สอบบัญชีภาษีอากร
ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นรายการและชำระภาษี หรือยื่นรายการและชำระภาษีตามจริง ไว้ไม่ถูกต้องโดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องชำระขาดไป บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ หรือของภาษีที่ชำระขาด แล้วแต่กรณี เงินเพิ่มดังกล่าวให้ถือเป็นค่าภาษีและอาจลดลงได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
ในการชำระภาษีครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวข้างต้นให้ถือเป็นการเครดิตภาษีในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ทำให้ภาษีที่ผู้ประกอบการได้เสียกลางปีมีสิทธินำมาหักออกจากภาษีที่ต้องเสียปลายปี มีผลให้ผู้ประกอบการเสียภาษีปลายปีลดลง ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชีแรก หรือรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายน้อยกว่า 12 เดือนไม่ต้องยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี
ที่มา http://.www.tax-thai.com